อย่าเป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่เช่นนั้นลูกจะเป็น คนร้าย ไม่รู้ตัว

Last updated: 11 มิ.ย. 2567  | 

อย่าเป็น “พ่อแม่รังแกฉัน”
ไม่เช่นนั้นลูกจะเป็น “คนร้าย” ไม่รู้ตัว

ข่าวปล้น ฆ่า ข่มขืน คลั่ง ทำร้ายตัวเอง ฯลฯ ในทุกวันนี้ อายุของผู้ก่อเหตุเริ่มน้อยลงทุกทีๆ เป็นเพราะอะไรกันแน่ 

เราใช้หัวข้อ “พ่อแม่รังแกฉัน” ไม่เช่นนั้นลูกจะเป็น “คนร้าย” ไม่รู้ตัว เพราะปมปัญหาที่ก่อคดีล้วนมาจากสถาบันครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ หากเริ่มต้นจากรากแก้วซึ่งหมายถึง “พ่อแม่” ไม่แข็งแรง ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “ลำต้น...กิ่งก้าน ใบ ดอก ผล” อ่อนแอ ซึ่งก็หมายถึง “ลูกๆ” ของพวกเขา อาทิ ปัญหาภายในครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู การศึกษา สิ่งแวดล้อมรอบตัว ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลดีหรือร้ายต่อสภาวะจิตใจที่จะทำให้พวกเขาเติบโตไปเป็นคนดีในสังคมได้หรือไม่ เราไม่สามารถรู้ชะตาชีวิตของลูกๆ ในอนาคตได้ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ มากระตุ้นและผลักดันให้พวกเขาก่ออาชญากรรมได้อีก ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนึกคิด รู้ผิดชอบชั่วดี และสติยับยั้งชั่งใจของแต่ละคนแข็งแรงมากน้อยเพียงใด

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจถึงความหมาย “การเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน” หมายถึงการมีส่วนร่วมมากเกินไปของผู้ปกครองในชีวิตของลูกๆ ซึ่งมักมีลักษณะพิเศษคือ การเฝ้าติดตามลูกๆ ทุกฝีก้าว ทำเรื่องต่างๆ แทนลูกทุกอย่าง และไม่ปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้ากับความท้าทายด้วยตนเอง แม้การเลี้ยงลูกแบบนี้อาจเกิดมาจากความรักและความหวังดีที่อยากจะดูแลลูกให้ดีที่สุด ก็อาจจะทำให้ลูกขาดทักษะการแก้ปัญหา ทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกกดดัน เปรียบเสมือน “พ่อแม่รังแกฉัน”วันนี้

แอดมินทำเช็กลิสต์เพื่อสังเกตว่า “คุณกำลังจะเป็นพ่อแม่รังแกฉัน” โดยไม่รู้ตัวอยู่หรือเปล่า??

1. การมีส่วนร่วมมากเกินไป เช่น ทำการบ้านให้แทนที่จะสอน ทำกิจกรรมสันทนาการอย่างมีข้อจำกัด ไร้อิสระ หรือกำหนดตัวเลือกในการเล่นกับเพื่อนของลูก

2. ตัดสินใจแทนลูกทุกอย่าง เช่น การวางแผนหรือกำหนดวิถีทางการใช้ชีวิตของลูกตั้งแต่เล็กยันโต ลูกขาดอิสระทางความคิดมากเกินไป

3. หลีกเลี่ยงความล้มเหลว เพราะความที่รักลูกมากจนเกินพอดี ความพยายามปกป้องลูกให้พ้นจากความผิดหวังหรือความล้มเหลวในชีวิต ตั้งแต่เล็กจนโต เช่น ใช้เงินแก้ไขปัญหาในทุกกรณี ส่งผลให้ลูกๆ มีวิธีแก้ปัญหาไม่ถูกลู่ถูกทาง ขาดทักษะการรับมือกับปัญหา

4. จำกัดอิสระ ขัดขวางทุกอย่าง พ่อแม่บางครอบครัวชอบสั่งมากกว่าสอน และสั่งแบบไม่มีเหตุผลเสียด้วยสิ เช่น อย่าทำนั่นนี่ ห้ามไป ห้ามเล่น จนทำให้ลูกขาดทักษะการบริหารเวลาอย่างถูกวิธี

5. การชมเชยมากเกินไป ชมมากไปใช่ว่าจะดี ส่งผลให้ลูกตัวเองเหลิงและมั่นใจตัวเองในแบบผิดๆ

6. ไม่สามารถรับมือกับความเครียด ท้ายที่สุดลูกจะกลายเป็นคนวิตกกังวล เมื่อลูกมีความเครียด เพราะไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตได้ด้วยตัวเอง

7. ไม่มีขอบเขต ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของลูก ส่งผลให้ลูกอาจจะไปก้าวก่ายเรื่องคนอื่นๆ ได้ในอนาคต 

8. การจับจ้องอย่างต่อเนื่อง การเลี้ยงลูกแบบจ้องจับผิด ไม่ไว้ใจในตัวลูก จับตาดูทุกฝีก้าว ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย เชื่อไหมเมื่อลูกโตขึ้น เขาจะกลายเป็นคนโกหก มีความลับ และเก็บตัว ไม่มีสังคม หรือมีความหวาดผวา

การรับรู้ถึงลักษณะการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญเพื่อที่จะเข้าใจถึงผลกระทบที่มีต่อพัฒนาการของลูก แต่ต้องจำไว้ว่าการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน แม้จะเป็นพฤติกรรมที่มาจากความรักและความห่วงใยแต่ก็เป็นสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตและทำลายความมั่นใจในตนเองของลูกโดยไม่ได้ตั้งใจในที่สุด

          พ่อแม่รู้ตัวแล้ว...ลองปรับเปลี่ยนมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่ลูกกันใหม่ก่อนจะสายเกินไปกันนะคะ เดือนหน้าแอดมินจะนำวิธีการมาฝากอีกจ้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้