Last updated: 8 ก.ย. 2565 |
คุณแม่ตั้งครรภ์อาจจะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่สร้างความกังวลใจให้คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่น้อยคือ “เรื่องผิว”
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของผิวคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักเลยคือ ฮอร์โมนตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
นอกจากนั้นความเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาผิวของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้เช่นกัน
ผิวเป็นสิว
ในช่วงตั้งครรภ์โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรก ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนของคุณแม่ตั้งครรภ์จะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งน้ำมันเหล่านั้นจะไปอุดตันในรูขุมขนจนทำให้เกิดสิว รวมไปถึงปัจจัยจากระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำลง และเรื่องของความเครียดที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้คุณแม่มีสิวได้เช่นกัน
ผิวหมองคล้ำ
โดยเฉลี่ยแล้ว 90% คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีสีผิวที่เข้มกว่าเดิม เช่น บริเวณรักแร้ คอ เส้นกลางหน้าท้อง ลานหัวนม ต้นขา และอวัยวะเพศ และยังมีปัญหาผิวอื่นๆ แทรกซ้อนตามมาด้วย เช่น ฝ้า กระ ติ่งเนื้อ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่คอยกระตุ้นให้สีผิวเข้มขึ้นกว่าเดิม แก้ไขปัญหาได้ด้วยการพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด และใช้ครีมบำรุงผิวปรับสภาพผิวให้กลับสู่สภาพเดิม
ผิวแตกลาย
เมื่อเข้าช่วงเดือนที่ 6 ของการตั้งครรภ์ ผิวหนังของคุณแม่จะเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยจะขยายตามขนาดตัวของทารกในครรภ์ จึงทำให้เกิดผิวแตกลายตามมา และมักจะเริ่มที่บริเวณหน้าท้อง ลามมาที่สะโพกหรือต้นขา คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถแก้ไขได้ด้วยการทาครีมหรือน้ำมันกันท้องแตกลาย เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมทั้งดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวแตกลายได้ดี
ผิวผื่นแดงแสบคัน
อาการผื่นตอนตั้งครรภ์ของคุณแม่มักเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งสาเหตุนั้นยังไม่ได้ระบุแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากผนังท้องที่ขยายขึ้น ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและคอลลาเจน ซึ่งอาการผื่นมีหลายแบบด้วยกัน เบื้องต้นคุณแม่ควรบำรุงด้วยครีมหรือโลชั่นที่เป็นสูตรธรรมชาติและมีความอ่อนโยนต่อผิว เนื่องจากครีมที่มีกลิ่นแรง อาจส่งผลต่ออาการแพ้ท้องได้ หากมีผื่นแดงขึ้นกระจายเป็นวงกว้างหรือมีลักษณะเป็นตุ่มๆ จนดูผิดปกติ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ระกว่างตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ควรปล่อยไว้ให้ลุกลามควรพบคุณหมอที่ดูแลทันที
ผิวขาดน้ำ
ปกติแล้วคุณแม่หลังคลอดจะเผชิญกับภาวะผิวขาดน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากร่างกายจะมีการขับเอาน้ำที่สะสมในระหว่างตั้งครรภ์ออกไป จึงทำให้อาการบวมน้ำของร่างกายคุณแม่น้อยลง และส่งผลต่อสุขภาพผิวของคุณแม่ตามมาด้วย ซึ่งปัญหาผิวขาดน้ำแก้ไขได้ด้วยการเติมน้ำให้ผิว พยายามดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเป็นการทดแทนน้ำในร่างกายที่เสียไป
ผิวไวต่อแสง
ผิวไวต่อแสงเป็นเพราะฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์พุ่งพล่าน ทำให้ผิวไวต่อแสงมากเป็นพิเศษ จนทำให้เกิดผิวคล้ำ รอยด่างดำ ถ้ามีปัญหานี้ป้องกันได้ด้วยการทากันแดด แต่ควรเลือกกันแดดที่เป็น Physical Sunscreen หรือ Mineral Sunscreen สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะ และควรหลีกเลี่ยงการปะทะกับแสงแดดในช่วงกลางวัน
ผิวหย่อนคล้อย
ปัญหาผิวหย่อนคล้อย สามารถพบได้ที่บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ลักษณะการเริ่มหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่นของผิวในแต่ละคน เกิดได้จากทั้งกรรมพันธุ์ ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและไลฟ์สไตล์ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์ใต้ชั้นผิวไม่เหมือนกัน ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถแก้ไขได้ด้วยการออกกำลังกายที่ช่วยกระชับผิว ซึ่งควรออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น เดินช้าๆ หรือเล่นโยคะ เพราะจะช่วยความกระชับให้กล้ามเนื้อท้อง กล้ามเนื้อต้นขา และช่วยความแข็งแรงให้ผิวหนังที่หย่อยคล้อยให้กลับมากระชับ
พักสายตา ฟังบทความนี้แบบ Audiobook คลิกเลยค่ะ
วิธีดูแลผิวขณะตั้งครรภ์
แต่ไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะคะ เพราะปัญหาที่เจอก็จะค่อยๆ หายไป และดีขึ้นหลังจากการคลอดลูก เพราะระดับฮอร์โมนจะกลับสู่สภาวะปกติ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เรื้อรัง คุณแม่สามารถเริ่มดูแลผิวได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะ
1. ดื่มน้ำเยอะๆ
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำมากๆจะทำให้ผิวชุ่มชื้น เลือดลมไหลเวียนดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการนอนหลับที่ดีจะทำให้จิตใจของคุณแม่เบิกบาน แจ่มใส ไม่เครียด คุณแม่ตั้งครรภ์ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
3. ปรับเรื่องอาหาร
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเลือกอาหารประเภทธัญพืชไม่ขัดสี เน้นการกินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงให้ เช่น ฝรั่ง ส้ม อะโวคาโด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และควรเลี่ยงน้ำตาลและแป้งขัดขาว
4. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดดที่แรงจัดส่งผลเสียให้กับสีผิวของคุณแม่โดยตรง เพราะช่วงตั้งครรภ์ผิวจะไวต่อแสง ช่วงเวลาที่ไม่ควรโดนแดดคือ 11.00-16.00 น. หากจำเป็นที่จะต้องออกข้างนอก ควรทากันแดดป้องกันไว้
5. ดูแลผิว
ถึงแม้จะเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่คุณแม่ก็อย่าลืมที่จะดูแลผิวของตัวเองอยู่เสมอนะคะ ทั้งการ ขัดผิว พอกผิว หรือบำรุงผิว ทั้งหมดนี้คุณแม่สามารถทำได้ค่ะ แต่อยากให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยหรือมาจากสารสกัดธรรมชาติ ทั้งนี้หากต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับปัญหาผิวต่างๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลเสียกับลูกในครรภ์นะคะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
: https://www.bpksamutprakan.com/care_blog/view/135
: https://baby.kapook.com/view247153.html
4 พ.ย. 2567
25 พ.ย. 2567
14 พ.ย. 2567