ในขณะตั้งครรภ์ว่าที่คุณแม่อาจเผชิญกับสภาวะอารมณ์ที่หลากหลายไปพร้อมกัน ทั้งมีความสุข มีความหวัง มีความกังวล แต่ทั้งนี้การปรับสมดุลให้อารมณ์คงที่และเต็มไปด้วยความสุขสงบนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และควรจะทำให้เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์ ส่งผลโดยตรงกับพัฒนาการระบบประสาทและสภาพจิตใจของเจ้าตัวน้อย มีการวิจัยที่พบว่ายิ่งคุณแม่มีความสุขขณะตั้งครรภ์มากเท่าไร ลูกที่เกิดมายิ่งสุขภาพดีมากขึ้นเท่านั้น ว่าแล้วมาดูกันดีกว่าค่ะว่า คุณแม่จะปรับตัว ปรับใจให้มีความสุขตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์...และตลอดไปได้อย่างไร
- เป็นตัวของตัวเอง
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่พิเศษของชีวิตลูกผู้หญิง ฉะนั้นไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร หากสิ่งเหล่านั้นขัดกับสิ่งที่ตัวคุณเป็น ก็ไม่ควรนำมาใส่ใจให้มากนัก คำแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้ค่ะ
- อยู่กับปัจจุบันและให้ความสำคัญกับลูกในท้องจะช่วยให้คุณแก้ปัญหาและตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่าทุกอย่างที่คุณอดทนอยู่ในขณะนี้เป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะสิ่งนี้จะส่งผลกับพัฒนาการของลูกในครรภ์ไปจนตลอดชีวิต
- เมื่อคุณเป็นตัวของตัวเอง คุณจะมีความสุขจากภายในซึ่งจะช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
- ดูแลรูปแบบการใช้ชีวิต
รูปแบบการใช้ชีวิตส่งผลกับตัวตนและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตของคุณ
- รูปแบบการใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา และดูแลสุขภาพแบบองค์รวมย่อมให้ผลดีมากกว่าผลเสีย
- ทำความเข้าใจว่าในขณะตั้งครรภ์ คุณมีโอกาสที่จะกลายเป็นคนซุ่มซ่าม เดินชนโน่นชนนี่ หรือหกล้มได้ง่ายๆ ฉะนั้นจงระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
- เมื่อตั้งครรภ์คุณจะรู้สึกเซื่องซึมและขี้เกียจมากกว่าปกติ
- พยายามดูแลสุขภาพตนเองให้เป็นกิจวัตร
- ยิ่งคุณกินอาหารเพื่อสุขภาพ และออกกำลังกายมากเท่าไร ก็ยิ่งจะช่วยทำให้คุณมีความคิดที่ดีได้มากขึ้นเท่านั้น
- สุขภาพกายดี นำไปสู่สุขภาพใจที่ดี
- อยู่ห่างจากความคิดเชิงลบ
บางสถานการณ์หรือบางคน ที่มักทำให้คุณเกิดความคิดเชิงลบ ไม่ว่าจะกังวล กลุ้มใจ ไม่เข้าใจ โกรธ หงุดหงิดฯลฯ คุณควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือบุคคลเหล่านั้น
- ใช้เวลาอยู่กับกลุ่มคนที่มีทัศนคติที่ดี การอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกหมดหวัง ถือเป็นภาระที่หนักหนาเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังตั้งครรภ์
- อยู่ห่างๆ จากคำพูด ความคิด และการกระทำเชิงลบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ห่างๆ จากบุคคลที่ผลิตความคิด คำพูดและการกระทำเหล่านั้น
- ฝึกโยคะและทำสมาธิ
มีการศึกษาที่พบว่าการทำโยคะและสมาธินั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
- ฝึกโยคะกับผู้ชำนาญการ จะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา แข็งแรง และมีความสุข
- การฝึกหายใจในคลาสโยคะ เชื่อว่าเป็นการขับสารพิษทางอารมณ์ และช่วยปรับเปลี่ยนวิธีคิดของคุณได้
- พยายามใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ฝึกโยคะและสมาธิ ร่างกายและจิตใจของคุณจะรู้สึกดีขึ้นอย่างชัดเจน
- ฝึกหายใจ
การหายใจลึกๆ ช่วยทำให้ความคิดกระจ่างและนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ
- ยิ่งคุณโฟกัสอยู่กับลมหายใจของตัวเองมากเท่าไร คุณก็จะผ่อนคลายได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเวลาเจ็บท้องคลอด
- การหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ ช่วยขจัดความคิดเชิงลบ และอาจช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้
- หลายคนหาความสุขด้วยวิธีอื่นๆ ที่ไกลตัว โดยลืมไปว่าการฝึกหายใจอย่างถูกวิธีนั้น ช่วยให้คุณรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย มีความสุขและมีความคิดที่ได้ ทั้งยังช่วยทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นเพราะได้รับอ๊อกซิเจนอย่างเพียงพออีกด้วย