Last updated: 23 มิ.ย. 2562 |
หลังจากที่คุณได้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการให้กำเนิดชีวิต แน่นอนว่าร่างกายต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย หนึ่งในนั้นคือการขับของเหลวที่เรียกว่า “น้ำคาวปลา” ออกมา ซึ่งเจ้าน้ำคาวปลานี้คืออะไร และคุณแม่ควรดูแลร่างกายและสุขอนามัยอย่างไรดี เรามีคำตอบมาฝากค่ะ
น้ำคาวปลามาจากไหน?
ไม่ว่าคุณจะคลอดด้วยวิธีใด ทั้งผ่าท้องคลอด หรือคลอดธรรมชาติ สิ่งที่จะตามมาก็คือร่างกายจะขับของเหลวที่เรียกว่าน้ำคาวปลาออกมาจากโพรงมดลูก โดยน้ำคาวปลานี้เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวขึ้นในขณะตั้งครรภ์เพื่อการฝังตัวของทารกเริ่มแยกออกเป็นสองชั้นหลังคลอดโดยชั้นบนจะหลุดลอกออกมาเป็นน้ำคาวปลา ส่วนชั้นล่างยังติดกับกล้ามเนื้อมดลูก เพื่อพร้อมที่จะสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นใหม่สำหรับการมีรอบประจำเดือนหลังคลอดต่อไป
ความเปลี่ยนแปลงของน้ำคาวปลา
ในช่วงวันแรกๆ หลังคลอด น้ำคาวปลาจะมีสีแดงสดเหมือนประจำเดือนในบางรายอาจมีลิ่มเลือดปนออกมาด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติหากไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย หลังจากนั้น 2-3 วัน น้ำคาวปลาจะค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นชมพู ตามด้วยสีออกน้ำตาล และสีเหลืองขุ่นๆ จนกระทั่งเมื่อมดลูกเริ่มหดตัวกลับสู่ขนาดปกติ น้ำคาวปลาจะมีปริมาณน้อยลง และสีอ่อนลงตามลำดับ โดยทั้งหมดนี้อาจกินเวลาตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ หรือในบางรายอาจมีน้ำคาวปลาถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด
ดูแลอย่างไร เมื่อมีน้ำคาวปลา
เรื่องความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ค่ะ ยิ่งหากว่าคุณคลอดธรรมชาติและมีบาดแผลการตัดฝีเย็บ ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อเนื่องจากน้ำคาวปลามีคุณสมบัติเป็นด่าง ซึ่งขัดกับสมดุลธรรมชาติของจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ดังนั้นช่วงที่มีน้ำคาวปลา บริเวณช่องคลอดจะติดเชื้อได้ง่ายควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ดูแลจุดซ่อนเร้นให้แห้ง ไม่อับชื้นไม่ใส่กางเกงที่รัดจนเกินไป และควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ไปก่อน
อาการอย่างนี้ไม่ปกติแน่ๆ
ในช่วงนี้คุณจำเป็นต้องหมั่นสังเกตตัวเองด้วยว่ามีอาการผิดปกติอื่นๆ หรือเปล่า หากพบว่ามีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ดื่มยาขับน้ำคาวปลาดีไหม?
ธรรมชาติมีกลไกในการหดรัดตัวของมดลูกหลังคลอดเพื่อขับน้ำคาวปลาตามปกติอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องดื่มยาขับน้ำคาวปลา เพราะอาจยิ่งทำให้เสี่ยงกับการตกเลือดหลังคลอด อีกทั้งโดยทั่วไปยาเหล่านี้มักมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ หากคุณให้นมลูก เจ้าตัวน้อยก็อาจได้รับแอลกอฮอล์ผ่านทางน้ำนมแม่ได้
14 พ.ย. 2567
9 ต.ค. 2567