Last updated: 6 ก.พ. 2568 |
อย่าเอา PM2.5 มาทำร้ายหนู
ปัญหาฝุ่น PM2.5 จัดหนัก จัดใหญ่
ปีนี้หอบเอาฝุ่นข้ามประเทศมาด้วย แค่ในบ้านเราเองก็แย่แล้วนะ...แม่ล่ะเพลีย มรสุมชีวิตคนในครอบครัวทั่วไทย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ เหนือ ใต้ ออก ตกจะจบลงตรงไหน แก้ไขได้กี่โมง เพราะทันทีชีวิตคนหาเช้ากินค่ำ ต้องแบกหน้าเดินฝ่าฝุ่นจิ๋วกันทุกวัน โรคภัยก็ตามมาในทันที!!!!
มันเกิดจากอะไรกันเนี่ย
ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 เป็นวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประชาชน ตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศมาในหลายรูปแบบ ทั้งการเผาไม้ทำลายป่า การเผาเรือกสวนไร่นาแทนการแพ้วถางป่าเพราะประหยัดเวลา ประหยัดทุนทรัพย์ แต่สร้างปัญหาในวงกว้าง รวมถึงการคมนาคม โรงงานอุตสาหกรรม และหมอกควันข้ามพรมแดน
ผลกระทบต่อสุขภาพ
ฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคนโดยเฉพาะเด็กๆ ที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนฝ่าฝุ่นรายวัน กระทั่งเกิดเหตุเลือดกำเดาไหลไม่หยุด ผื่นแดงตามแขน ตามหน้า ตาเป็นจุดแดงๆ นั่นเป็นเพราะเด็กกำลังพัฒนาการเจริญเติบโต ภูมิจึงไม่เท่าผู้ใหญ่ อัตราการหายใจถี่กว่า จึงสูดอากาศเข้าไปได้เยอะ บ่อยจัด เด็กจึงมีความเปราะบางต่อผลกระทบต่างๆ มากกว่าทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ลูกเด็กเล็กแดงเดี้ยงกันทุกคน
อันตรายของ PM2.5 ต่อเด็กเล็ก
กระทบระบบหายใจ: อาจทำให้เกิดโรคหอบหืด ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ
ลดพัฒนาการสมอง: การได้รับฝุ่น PM2.5 อาจลดระดับ IQ และ EF
(Executive Function) ในเด็ก
ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ: เด็กที่ได้รับฝุ่นพิษบ่อยๆ มีแนวโน้มป่วยง่ายขึ้น
ระคายเคืองตา ผิวหนัง: อาจทำให้ ตาแดง น้ำตาไหล ผื่นแพ้ผิวหนัง
**ย้ำสำคัญเลยนะคะ **เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เสี่ยงต่อผลกระทบมากที่สุด เพราะปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่!!!
ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน พยายามใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วยการจัดกิจกรรมที่หลากหลายทั้งการให้ความรู้ทางวิชาการ การจัดแคมเปญป้องกันฝุ่นจิ๋ว ปลูกจิตสำนึกให้คนเลิกใช้วิธีการเผาไร่นา รณรงค์ให้ใช้การขนส่งรถสาธารณะ ขี่จักรยาน เดินเท้า หรืองดออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น รวมถึงการใช้กฎหมายบังคับเอาผิดแล้วก็ตาม ก็มิอาจจะช่วยลดมลพิษทางอากาศให้เบาบางลงได้ โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาปลายปีจนถึงต้นปีใหม่ ได้มีข่าวเด็กนักเรียนหลายคนเลือดออกจมูก หลังเดินทางไปโรงเรียน
แต่เมื่อแก้ปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ไม่ได้ เราก็มาป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนในครอบครัว โดยเฉพาะลูกๆ ของเรากันก่อนดีกว่า
1. จำกัดการออกนอกบ้านเมื่อค่าฝุ่นสูง
- เช็คค่า AQI (Air Quality Index) ก่อนพาลูกออกไปข้างนอก
- ค่าฝุ่นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กควรต่ำกว่า 50 AQI (หากเกิน 100 ควรเลี่ยงการออกไปข้างนอก)
*ดาวน์โหลดแอปตรวจฝุ่น เช่น AirVisual, Air4Thai
2. ให้ลูกใส่หน้ากากที่ป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้จริง
หน้ากากที่ป้องกัน PM2.5 ได้ดี:
- N95 หรือ KF94 (สำหรับเด็กโต)
- หน้ากากผ้าซ้อนแผ่นกรอง PM2.5 (สำหรับเด็กเล็ก)
**หลีกเลี่ยงหน้ากากอนามัยธรรมดา เพราะกันฝุ่น PM2.5 ไม่ได้
3. ปรับอากาศภายในบ้านให้สะอาด
- ปิดประตู-หน้าต่าง ลดฝุ่นจากภายนอก
- ใช้เครื่องฟอกอากาศ ที่มีไส้กรอง HEPA สามารถดักจับ PM2.5 ได้
- เปิดเครื่องปรับอากาศระบบ Air Purifier ช่วยลดฝุ่นภายในบ้าน
4. ทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ ลดฝุ่นสะสม
- ใช้เครื่องดูดฝุ่น HEPA Filter แทนการกวาดด้วยไม้กวาด
- ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดพื้น ลดฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศ
**หลีกเลี่ยงพรมและตุ๊กตาผ้า เพราะสะสมฝุ่นมาก
5. เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
- ให้ลูกกินอาหารที่ช่วย ต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C (ส้ม ฝรั่ง กีวี) โอเมก้า 3 (ปลาแซลมอน ถั่ววอลนัท) เบต้าแคโรทีน (แครอท ฟักทอง)
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อช่วยขับสารพิษ
6. อาบน้ำ-เปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกลับจากข้างนอก
- ควรให้ลูกอาบน้ำทันที เพราะฝุ่น PM2.5 อาจติดอยู่ตามผมและเสื้อผ้า
- ซักเสื้อผ้าที่ใส่ออกนอกบ้านทุกครั้ง
7. สังเกตอาการผิดปกติ อาการที่ต้องระวังในเด็ก
- ไอเรื้อรัง / หายใจลำบาก
- น้ำมูกไหล / คัดจมูกบ่อย
- ตาแดง / ผื่นคัน
- อ่อนเพลีย / ซึมผิดปกติ
- พบแพทย์เมื่อจำเป็น
8. ฝุ่น PM2.5 สูง ควรเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้
- อย่าให้ลูกเล่นนอกบ้าน (สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ)
- อย่าตากผ้ากลางแจ้ง เพราะฝุ่นจะเกาะเสื้อผ้า
- อย่าเผาขยะ-ใช้ธูปเทียนในบ้าน เพราะเพิ่มปริมาณฝุ่น
- อย่าเปิดหน้าต่างตอนค่าฝุ่นสูง
แต่เอาจริงๆ นะ แอดมินคิดว่า การแก้ปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ให้ลดน้อย เบาบางลง มันคงต้องเริ่มที่ “คน” ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย หากเรามาช่วยกันหันมาใช้ชีวิตไร้ควันกันบ้างก็พอให้ฝุ่นทุเลาเบาบางลงได้ไม่มากก็น้อย
24 ม.ค. 2568
20 ม.ค. 2568
21 ก.พ. 2568
11 มี.ค. 2568