Last updated: 31 ส.ค. 2562 |
เลี้ยงลูกเพื่อให้เขาเติบโตขึ้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สามารถดูแลตัวเอง พึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต คงเป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายคนคาดหวังไว้ และความสำเร็จที่ว่านี้ มีปัจจัยหลายส่วนประกอบเข้าไว้ด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก และเป็นตัวแปรที่จะพาเขาไปสู่ความสำเร็จนั่นก็คือ การที่เขาเติบโตขึ้นมาบนพื้นฐานของความสุข มีภาวะทางอารมณ์เชิงบวก…
“หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า….
เด็กแรกเกิดถึง 7 ปี พวกเขาควรได้เล่นมากกว่าการเรียน”
สำหรับเด็กเล็กวัยแรกเกิดถึง 3 ขวบ พวกเขาจะเริ่มเล่นด้วยการเดินสำรวจสิ่งต่างๆ รอบบ้าน อยากหยิบจับไปเสียทุกอย่าง หากพ่อแม่เห็นแล้วว่าไม่ใช่สิ่งที่อันตราย พ่อแม่ควรปล่อยให้เด็กลองเล่น ลองทำ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่าปล่อยให้ความกลัวของพ่อแม่ มาเป็นอุปสรรคในการเล่นของลูก หลังจาก 3 ขวบนั้น พวกเขาเริ่มอยากออกไปผจญภัยข้างนอก ดังนั้นสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือธรรมชาติ เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรมอบให้กับเขา
“เลี้ยงลูกแบบธรรมชาติ”
ธรรมชาติมีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานว่า สิ่งที่เกิด มีและเป็นอยู่ตามธรรมดาของสิ่งนั้นๆ หรือที่เป็นไปเองโดยไม่ได้ปรุงแต่ง ดังนั้นหากกล่าวว่ากฎของธรรมชาติคือ ทุกอย่างย่อมมีความเปลี่ยนแปลงและยากจะควบคุมได้ หากเราสังเกตดูธรรมชาติรอบตัว ใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ก้อนเมฆที่เปลี่ยนไปทุกวินาที สิ่งเหล่านี้คือธรรมชาติที่เราไม่อาจเข้าไปควบคุมได้ แต่ถ้าเราทำความเข้าใจและดูแล เราก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีความสุข เช่นเดียวกับการเลี้ยงลูก…
หากเราทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เขาเป็น และสิ่งที่เขา “อยากเป็น” โดยไม่บังคับ หรือกดดันให้เป็นแบบที่เราอยากให้เป็น พฤติกรรมบางอย่างของลูก เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมได้ แต่หากเราเข้าใจธรรมชาติของลูก เราก็จะค้นพบวิธีการเลี้ยงลูกดูและส่งเสริมเขาได้
“มองหาจุดแข็งในพฤติกรรมธรรมชาติของลูกแล้วส่งเสริม”
มีผลงานวิจัยของ Lea Waters นักจิตวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา การอบรมเลี้ยงดูลูก การจัดการองค์กรเชิงบวก และนักเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง ด้วยการพัฒนาจุดแข็ง การเอาตัวรอดของมนุษย์ด้วยสัญชาติที่ติดตัวมาโดยธรรมชาติ กล่าวไว้ว่า เด็กที่พ่อแม่ให้การสนับสนุนให้มองเห็นจุดแข็งของตัวเอง พวกเขาจะเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข และสามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้ดี ส่งผลให้เป็นคนที่มีบุคลิกที่มุ่งมั่น มั่นใจในตัวเอง และพอใจกับชีวิตของตัวเอง นอกจากนั้นพวกเขาสามารถจัดการกับปัญหาของตัวเองได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้คือผลการเรียนดีตามไปด้วย รวมถึงปราศจากความเครียด หรือมีความเครียดที่น้อย
นักจิตวิทยาแบ่งจุดแข็งเป็น 2 แบบ แบบแรกคือพรสวรรค์ (Talents) จะแสดงให้เป็นรูปธรรมมากกว่าเช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ และแบบที่สองลักษณะเฉพาะตัว (Character) เป็นส่วนที่ประกอบด้วยพฤติกรรม บุคลิก และการสื่อสาร เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การตั้งใจเรียน ชอบพัฒนาตัวเองตลอดเวลา อยากรู้อยากเห็น ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความรัก ความเมตตา
ในยุคที่สังคมวุ่นวายแบบนี้ การได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย การมองหาจุดแข็งของลูกและให้การสนับสนุน น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพื่อให้เขาได้ทำความรู้จักกับตัวเอง และพัฒนาจุดแข็งให้กลายเป็นที่ยอมรับในสังคม
“สูตรการส่งเสริมจุดแข็งของลูก”
พ่อแม่ยุคใหม่มักโฟกัสที่จุดแข็งด้านพรสวรรค์ของลูก เช่น การส่งเรียนร้องเพลง เรียนเล่นเครื่องดนตรี เรียนวาดภาพ เรียนกีฬา เพราะมองว่าจุดแข็งด้านพรสวรรค์ จะช่วยให้ลูกสามารถสร้างอาชีพและเลี้ยงดูตัวเองได้ จนลืมว่าจุดแข็งคุณลักษณะหรือตัวตนของลูก เป็นส่วนที่สำคัญมากต่อการจัดการและนำพาเขาไปสู่ความสุข ความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริง
พ่อแม่สามารถช่วยพัฒนาจุดแข็งทั้งสองแบบไปพร้อมกันได้ด้วยการเข้าใจและชื่นชม การไว้ใจให้เขาได้แสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่ การคิดบวกและแชร์ประสบการณ์ ที่สำคัญพ่อแม่ต้องอยู่ข้างๆ เพื่อสนับสนุนและเรียนรู้ไปด้วยกัน
นอกจากนั้นพ่อแม่อาจต้องมองหาตัวช่วยส่งเสริมให้ลูกได้พัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มที่ และหนึ่งในตัวช่วยที่ดีที่สุดคือ Mamarine Kids (มามารีน คิดส์) สูตร Forte ขวดสีน้ำเงิน เป็นสูตรที่มามารีนได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ลูกน้อยของคุณพ่อ คุณแม่ได้รับประโยชน์ที่ครบถ้วนที่สุด
จุดเด่นของสูตรนี้คือ การรวมคุณสมบัติของสารอาหารกว่า 3 ชนิด
หนึ่ง Omega 3 ที่ได้จากปลา เป็นส่วนประกอบที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและสมองของเด็ก ซึ่งโอเมก้า 3 จะเข้ามาทำหน้าที่บำรุงสมองของลูกน้อยอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้และมีความจำที่ดี
สอง Lysine (625 mg) ไลซีนเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ซึ่งกรดชนิดนี้มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยสร้างโปรตีนที่สำคัญต่อร่างกาย เด็กๆ จำเป็นต้องได้รับกรดอะมิโนเพื่อช่วยในการเจริญเติบโต สารตัวนี้จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการเจริญอาหาร นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกและฟันของลูกน้อยแข็งแรง
สาม L-glutamine ตัวนี้จะเข้ามาเป็นกำลังในการสร้างสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้สารอาหารที่ลูกน้อยได้รับเข้าไป ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
“สูตรสำเร็จของความสำเร็จคือ การให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะมันคือเส้นทางที่จะพาเขาไปสู่ศักยภาพที่แท้จริงของตัวเขาเอง”
19 พ.ค. 2566
23 ส.ค. 2567