Last updated: 23 มิ.ย. 2562 |
ลึก ๆ ก็ขอบคุณตัวเองที่ไม่เอาไม้เรียวไปโยนทิ้งในวันนั้น ….
ตั้งแต่ทำงานเป็นจิตแพทย์เด็กมาสี่ห้าปี ไม่เคยเห็นไม้เรียวมาก่อน และไม่คิดว่าจะได้เห็นที่โรงพยาบาลด้วยครับ แต่เมื่อวานนี้เห็นคุณแม่วัยสี่สิบต้น ๆ พาลูกวัยสามขวบเศษมาหาหมอพร้อมไม้เรียว บอกว่าต้องพกไว้ไม่งั้นเด็กมันจะดื้อมาก หมอก็เลยลองทดลองให้แม่ถือกับวางไม้เรียวแล้วดูปฏิกริยาเด็ก ปรากฎว่าเด็กดื้อน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญมากครับเมื่อแม่มีไม้เรียวอยู่ในมือ (แอบเสียดายลืมถ่ายรูปมาโชว์ แต่ก็คล้าย ๆ ไม้วิเศษแฮรรี่ พอตเตอร์) คำถามต่อมาคือไม้เรียวช่วยให้เด็กซนดื้อน้อยลงได้อย่างไรครับ?
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงคิดว่าเปิดหนังสือผิดเล่ม นึกว่าอ่านวารสารทางการแพทย์อยู่ แต่จริงแล้วหมอแค่นึกสนุกว่าทำไมเด็กต้องกลัวไอ้ไม้เรียวนี่ด้วย ?
ถ้าให้เด็กที่ไม่เคยถูกตีหรือเห็นเพื่อนถูกตีมาก่อน ไม้เรียวก็คงเป็นแค่กิ่งไม้ธรรมดาอันหนึ่ง แต่ไม้เรียวจะศักดิ์สิทธิ์ได้ต้องมีประวัติศาสตร์แฝงด้วย เช่น ไม้เรียวอันนี้ใช้สร้างเด็กหลังห้องให้กลายเป็นนายกรัฐมนตรี ไม้เรียวอันนี้ส่งเด็กเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว ซึ่งคนที่ทำให้ไม้เรียวศักดิ์สิทธิ์คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก “ครู”
เมื่อครูกับไม้เรียวเป็นของคู่กันแล้วก็ทำให้เกิดความกลัวอย่างไม่มีเงื่อนไข (Unconditional Fear) กล่าวคือการกลัวแบบบอกต่อ ๆ กันมา ยิ่งบอกต่อกันมานานเท่าไร บอกกันมากเท่าไรยิ่งน่ากลัว กลัวแบบไม่มีเหตุผล ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม
ขอยกตัวอย่างการทดลองเกี่ยวกับความกลัวอันหนึ่งที่หลายท่านอาจเคยได้ยินมาบ้าง คือ นักวิจัยจับลิงมา 5 ตัว เอาบันไดลิงตั้งไว้กลางห้อง และแขวนกล้วยไว้ แน่นอนครับว่าลิงก็ต้องปีนบันไดขึ้นไปเอากล้วยหวานหมู แต่ทันทีที่ลิงตัวไหนพยายามจะปีนบันไดก็จะมีฝักบัวฉีดน้ำเย็นมาทั่วทั้งห้องเป็นการลงโทษหนาวสั่นไปตาม ๆ กัน ดังนั้นเมื่อฝูงลิงเห็นว่าเพื่อนกำลังจะปีนบันไดก็จะรีบรุมสกรัมเพื่อนเพราะไม่อยากถูกน้ำเย็น สุดท้ายก็ไม่มีลิงตัวไหนกล้าใกล้บันไดอีก
นักวิจัยค่อย ๆ เปลี่ยนลิงออกทีละหนึ่งตัว ซึ่งแน่นอนว่าลิงใหม่ก็พยายามปีนบันไดไปเอากล้วยแต่ก็ถูกเพื่อนรุมสกรัมเสียก่อนโดยยังไม่ทันรู้ว่าหยิบกล้วยแล้วมีน้ำเย็น นักวิจัยค่อย ๆ เปลี่ยนลิงออกทีละตัวจนเป็นลิงใหม่ทั้งหมดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนว่าหยิบกล้วยแล้วจะมีน้ำเย็นฉีดออกมา เห็นแต่ว่าถ้าเพื่อนจะใกล้บันไดต้องรีบรุมสกรัม สุดท้ายนักวิจัยก็เอาฝักบัวน้ำเย็นออกไปแต่ก็ยังพบว่าลิงยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิมคือรุมสกรัมเพื่อนที่พยายามขึ้นบันได
ซึ่งก็พอมาอธิบายเรื่องเด็กกลัวไม้เรียวได้ว่าในตอนแรกเด็กกลัวครู + ไม้เรียวซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นการลงโทษ เมื่อเอาครูออกมาเหลือแค่ไม้เรียวอย่างเดียว ก็ยังพบว่าเด็กยังกลัวอยู่เพราะเด็กฝังใจแล้วว่าไม้เรียวคือตัวแทนของครูอย่างแยกกันไม่ออก เหมือนกับลิงที่แยกไม่ออกว่าบันไดเป็นตัวแทนของน้ำเย็น (การลงโทษ) ไปแล้ว
สุดท้ายคือเด็กสมัยนี้ไม่มีใครกลัวไม้เรียวกันแล้ว ถ้าครูตีสิ เพื่อนอีกสิบคนพร้อมใจกันถ่ายคลิปลงยูทูปให้ครูอับอาย กลายเป็นว่าครูถูกลงโทษเสียเอง มานึกถึงตัวเองเมื่อก่อนหมอเองก็ถูกครูตีประจานหน้าห้องเพราะไม่ส่งการบ้านหรือทำการบ้านผิดอะไรซักอย่าง ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็เห็นไม้เรียวครูบนโต๊ะก็อยากเอาไปโยนทิ้งมากแต่ก็ไม่ทำเพราะคิดว่าไม้เรียวไม่ได้ทำผิดอะไร สุดท้ายก็มาค่อย ๆ ตั้งใจเรียนขึ้น
ทุกวันนี้ถ้าให้บอกว่าเป็นเพราะไม้เรียวอันนั้นหรือเปล่าที่ทำให้หมอเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตั้งใจเรียนมากขึ้น คำตอบคือ “ไม่” เพราะหมอไม่ได้กลัวครู + ไม้เรียวเท่านั้นแต่หมอมีความเคารพครูด้วย หมอรู้ดีว่าที่ครูดุเรามันก็ไม่ได้ไร้เหตุผลทีเดียว และเชื่อว่าตัวเองต้องทำให้ได้ดีขึ้น
Message in a bottle
“Laugh like you are 10”
“Party like you are 20”
“Travel like you are 30”
“Think like you are 40”
“Advice like you are 50”
“Care like you are 60’’
“Love like you are 70”
19 พ.ค. 2566
23 ส.ค. 2567