สภาพสังคมที่ "เปลี่ยนไป" พ่อแม่จึงต้อง "เปลี่ยนตาม"

ไม่เพียงแต่โลกที่หมุนเวียนเพื่อเปลี่ยนผ่านวันเวลา ในส่วนของผู้คนบนโลกเอง ก็คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่อง ...และรูปแบบการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ยุคใหม่จึงไม่สามารถใช้ "ตำราเดิม" ได้อีกต่อไป

ชุดความคิดเดิมและสูตรสำเร็จในอดีต
ในอดีตพ่อแม่มักเลี้ยงลูกด้วยการสอนว่าให้เรียนเก่งๆ โตขึ้นไปเป็นหมอ เป็นครู หรือรับราชการแล้วจะสบายเพราะเป็นอาชีพที่มั่นคง แต่นั่นเป็นชุดความคิดที่เทคโนโลยี การเดินทาง การสื่อสาร ยังไม่เป็นกว้างเท่านี้ ในเมื่อโลกปัจจุบันไร้ซึ่งพรมแดน ธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย จนบางครั้ง Gen พ่อแม่เองก็อาจจะตามลูกไม่ทันด้วยซ้ำ

…เพราะฉะนั้นพ่อแม่ยุคใหม่ต้องเปลี่ยนชุดความคิดจากแบบเดิม เป็นการปล่อยให้ลูกได้มีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ได้ฝันและได้เดินตามความฝัน

ความหวังดีของพ่อแม่สวนทางกับความสุขของลูก
แน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีความสุข มีชีวิตที่สุขสบายในวันข้างหน้า จึงอยากให้ลูกใช้ชีวิตในรูปแบบที่ตัวเองคิดว่าดี ด้วยการโยนคำว่า “อาบน้ำร้อนมาก่อน” ไปไส่ลูก โดยที่ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ลูกต้องการ ยิ่งพ่อแม่ที่หวังดีมากเกินไป จะยิ่งกลายเป็นความกดดัน จนทำให้เด็ก Gen นี้เครียดและเกิดการต่อต้าน จนในที่สุดก็กลายเป็น “โรคซึมเศร้า”

…เพื่อให้ลูกได้มีความสุขกับการใช้ชีวิต พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจในมุมมองที่หลากหลายและความแตกต่างของ Generation ด้วย

เห็นใจและเปิดรับความคิดต่าง
ด้วยความที่เด็ก Gen นี้โตมาเทคโนโลยีและดิจิตอล ทำให้เด็กๆ มีความรู้ที่หลากหลาย เป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ ซึ่งบางอย่างก็อาจจะขัดใจความคิดของพ่อแม่อยู่บ้าง สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ยุคใหม่จะต้องทำความเข้าใจให้มากก็คือ เด็ก Gen นี้มีความเป็นตัวเองค่อนข้างสูง พวกเค้าจะกล้าพูด กล้าทำ รวมถึงกล้าปฏิเสธด้วย
…ถ้าพ่อแม่เห็นว่าสิ่งที่ลูกต้องการไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ยังอยู่ในกติกาของสังคม หากแต่ขัดกับความเชื่อของพ่อแม่เท่านั้น พ่อแม่ก็ควรปรับทัศนคติมาเพื่ออยู่บนพื้นฐานของความรักความเข้าใจ แล้วให้อิสระลูกได้ทำในสิ่งที่ต้องการ

ย่อมเป็นผลดีแน่ ถ้าพ่อแม่พยายามทำความเข้าใจในตัวตน และสภาพแวดล้อมของเด็ก Gen นี้ แล้วสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับหัวใจของพวกเค้า

พักสายตา .. ฟังบทความแบบ Audiobook คลิก