Last updated: 23 มิ.ย. 2562 |
คุณแม่หลายท่าน คงเคยได้ยินชื่อวัคซีนป้องกันโรคแปลกๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรายการวัคซีนพื้นฐานกันมาบ้างใช่ไหมค่ะ บางท่านอาจสงสัย และเป็นกังวลว่า จำเป็นต้องพาลูกน้อยไปรับวัคซีนเหล่านี้หรือไม่ ด้านล่างนี้เป็นตารางรวบรวมข้อมูลแบบเจาะลึกของวัคซีนใหม่ๆ ที่มีผู้นำเข้ามาให้บริการในปัจจุบันนี้ ลองตรวจสอบว่ามีอะไรบ้าง
ตารางวัคซีนเสริม
วัคซีน/อายุ | ราคาต่อเข็ม | แรกเกิด | 1 เดือน | 2 เดือน | 4 เดือน | 6 เดือน | 9 เดือน | 12 เดือน | 18 เดือน | 2-2 ½ ปี | 4-6 ปี | 10-12 ปี |
ฮิบ | 400-800 | * | * | * | ||||||||
ไข้หวัดใหญ่ | 200-300 | * | * | |||||||||
อีสุกอีใส | 1,000-1,300 | หากฉีดหลังอายุ 13 ปี ต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน | ||||||||||
ตับอักเสบ เอ | 700-1,000 | ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน | */* | |||||||||
โรต้า | 2,000+ | * | * | |||||||||
ไอพีดี | 4,000+ | * | * | * | * |
รู้ลึกเรื่องวัคซีนใหม่
เนื่องจากวัคซีนเหล่านี้มีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นก่อนตัดสินใจว่าจะพาลูกไปฉีด หรือไม่ฉีดดี มาทำความเข้าใจกับรายละเอียดข้อมูลของวัคซีนแต่ละชนิดกันก่อนดีกว่าค่ะ
วัคซีนป้องกันโรคฮิบ (HIB) : เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ พบในเด็กที่อายุระหว่าง 4 เดือน – 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันจากแม่เริ่มลดต่ำลง เชื้อแพร่กระจายผ่านทางระบบหายใจ หรือการไอจามรดกัน
เด็กที่ควรได้รับวัคซีน : เด็กที่มีโอกาสอยู่ในที่ชุมชนแออัดบ่อยครั้ง เช่น เนิร์สเซอรี่, ห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์ ฯลฯ
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ : เชื้อมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะพันธุกรรมอยู่ตลอดเวลา มีการแพร่กระจายผ่านทางระบบหายใจ หรือการไอจามรดกัน
เด็กที่ควรได้รับวัคซีน : เด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือเป็นโรคปอดเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ ไต หรือเด็กที่ต้องกินยาแอสไพรินเป็นประจำ
วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส : เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เกิดแผลพุพองตามตัว มีไข้สูง และอาจเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ โดยทั่วไปแล้ว เด็กเล็กที่เป็นโรคอีสุกอีใสจะหายได้เอง เมื่อหายแล้วจะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ข้อดีของการรับวัคซีนคือ ช่วยลดโอกาสเป็นงูสวัดได้ หรือถ้าเป็นก็จะมีอาการน้อยกว่า
เด็กที่ควรได้รับวัคซีน : ชมรมโรคติดเชื้อเด็กแห่งประเทศไทยแนะนำให้ฉีดในเด็กอายุ 10-12 ปี แต่คุณพ่อคุณแม่มีกำลังทรัพย์พอ และคิดว่าจะป้องกัน หรือลดอาการงูสวัดให้ลูกด้วย ก็สามารถฉีดให้ได้ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปค่ะ
วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ เอ : เป็นเชื้อโรคที่แพร่กระจายผ่านทางอาหาร และน้ำดื่ม เมื่อได้รับเชื้อ เด็กจะมีไข้สูง ปวดเมื่อย คลื่นไส้อาเจียน และมีอาการดีซ่านใน 1 สัปดาห์
เด็กที่ควรได้รับวัคซีน : เด็กที่เริ่มเข้าเรียน หรือเข้าเนิร์สเซอรี่ และต้องได้รับอาหารจากศูนย์อาหาร
วัคซีนป้องกันโรคไวรัสโรต้า : เป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุหลักของโรคลำไส้อักเสบในทารก และเด็กเล็ก สามารถติดต่อได้ง่าย เพียงแค่สัมผัสโดนสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้ออยู่ เช่น ของเล่น ของใช้ต่างๆ แล้วนำมือ หรือของนั้นเข้าปาก ด้วยเหตุนี้เด็กวัย 2 เดือน ถึง 2 ขวบ จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากที่สุด
เด็กที่ควรได้รับวัคซีน : เด็กที่มีโอกาสอยู่ในที่ชุมชนแออัดบ่อยครั้ง เช่น เนิร์สเซอรี่, ห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์ ฯลฯ
วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี : เป็นเชื้อที่พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เนื่องจากยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรค ความรุนแรงของโรคมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ติดเชื้อ เช่น ระบบประสาท กระแสเลือด หรือทางเดินหายใจ เชื้อนี้จะแพร่กระจายโดยการไอ จาม เช่นเดียวกับโรคหวัด
เด็กที่ควรได้รับวัคซีน : เด็กที่มีโอกาสอยู่ในที่ชุมชนแออัดบ่อยครั้ง เช่น เนิร์สเซอรี่, ห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์ ฯลฯ และเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่
วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์ : เนื่องจากปัจจุบันสุขอนามัยของคนไทยดีขึ้น จึงพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อชนิดนี้น้อยมาก ดังนั้น วัคซีนชนิดนี้ จึงใช้ในกรณีพิเศษเท่านั้น เช่น ต้องการเดินทางไปยังประเทศ หรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไทยฟอยด์อยู่ เช่น อินเดีย บาหลี เวียดนาม เม็กซิโก เป็นต้น
นอกเหนือจากรายการวัคซีนดังได้กล่าวข้างต้นนี้แล้ว ปัจจุบันยังมีผู้คิดค้นวิจัยเพื่อผลิตวัคซีนใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพวัคซีนพื้นฐานให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยค่ะ
29 ก.ย. 2566
10 ต.ค. 2566