Last updated: 23 มิ.ย. 2562 |
ที่จริง หลายๆ ท่านอาจได้รู้ ได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเทคนิคต่างๆ ในการประหยัดน้ำมัน หากแต่ด้วยความเคยชินจึงทำให้ละเลยที่จะปฏิบัติตามกันไปบ้าง เรียกว่ายอมเสียเงินมากหน่อย ซื้อเอาความพอใจ ความสะดวกสบายเป็นหลัก แต่เมื่อถึงยุคที่ราคาน้ำมันแพง และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นทีคงต้องกลับมาทบทวนวิธีช่วยประหยัดน้ำมันกันใหม่แล้วล่ะ
เลือกซื้อรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน: ผู้ใช้รถที่อยากได้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ต้องเลือกเครื่องยนต์แบบลูกสูบ 4 กระบอก มากกว่า V6 หรือเป็น V6 มากกว่า V8 รถน้ำหนักเบาขนาดเล็ก จะกินน้ำมันน้อยกว่ารถขนาดใหญ่ การเลือกซื้อรถที่มีขนาดพอเหมาะกับความต้องการใช้ เช่น ถ้าใช้ขับรถไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานในกรุงเทพ ก็อาจใช้รถที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ซึ่งนอกจากจะช่วยคุณประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วยลดปัญหาเรื่องหาที่จอดรถยากได้อีกด้วย แต่ถ้าคุณต้องขับออกต่างจังหวัดบ่อยๆ ก็อาจต้องหารถที่มีกำลังขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นมาอีก หากสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทรถยนต์ ที่เหมาะกับความต้องการใช้งาน เพื่อการประหยัดน้ำมัน คลิ๊กเข้าไปดูได้ที่ www.fueleconomy.gov
ปรับแต่งเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีเสมอ: ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเกิดขึ้นจากการไม่สนใจปรับแต่งเครื่องยนต์ และรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดี การไม่ดูแลรักษาเครื่องยนต์จะทำให้ขับได้ระยะทางน้อยลง 10-20% ในจำนวนน้ำมันเท่าเดิม ขอให้พึงนึกอยู่เสมอว่า ผู้ใช้รถทุกประเภทต้องนำรถเข้ารับการบำรุงรักษาตามระยะทางที่กำหนดไว้ในคู่มือรถ และต้องตรวจสอบทันที ถ้าสังเกตหรือรู้สึกว่ามีเสียง มีกลิ่นหรือการสั่นสะเทือนที่ผิดปกติ และไม่ควรติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เช่น การทำให้เกิดการต้านลมขณะวิ่ง หรือทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี
วางแผนก่อนเดินทาง: ควรกำหนดเส้นทางและช่วงเวลาการเดินทางที่เหมาะสมโดยหลีกเลี่ยงการเดินทางในวันและช่วงเวลาที่มีผู้ใช้รถเป็นจำนวนมากๆ เพราะหากขับหลง 10 นาที เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ใน 1 ปี จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน 6 ลิตร คิดเป็นเงินเท่าไหร่ลองเอาราคาต่อลิตรปัจจุบันคูณดู สอบถามเส้นทางที่จะไปให้แน่ชัดหรือศึกษาแผนที่ให้ดีจะได้ไม่หลง ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองน้ำมันในการวนหา หมั่นศึกษาเส้นทางลัดเข้าไว้ ช่วยให้ไม่ต้องเดินทางยาวนานไม่ต้องเผชิญปัญหาจราจร ช่วยประหยัดทั้งเวลาและประหยัดน้ำมัน
ตรวจตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด: ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์สม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดระบบไฟจุดระเบิด เปลี่ยนหัวคอนเดนเซอร์ ตั้งไฟแก่อ่อนให้พอดีจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10%
ควรตรวจเช็คลมยาง: ก่อนใช้รถควรตรวจเช็คว่ายางสึกหรอถึงระดับต้องเปลี่ยนหรือยัง และควรเติมลมยางให้เหมาะสมตามที่กำหนด เนื่องจากยางสึกหรอหรือลมอ่อนจะทำให้การทรงตัวของรถไม่ดี และสิ้นเปลืองน้ำมัน หากความดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานทุก 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ การตรวจตั้งศูนย์ล้อตามกำหนดจะช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกมาก
ทำความสะอาดไส้กรองอากาศ: ควรเป่าไส้กรองอากาศทุกๆ 2,500 กม./ชม. หรือทุกๆ 2-4 สัปดาห์ เพราะถ้าไส้กรองอากาศไม่สะอาดแล้ว จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน วันละ 65 ซีซี และหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อประหยัดน้ำมัน
อย่าสตาร์ทรถ อุ่นเครื่องนาน: ไม่ควรปล่อยเครื่องยนต์เดินจนนานเกินไป ให้เสียพลังงานเปล่าประโยชน์ หลังจากสตาร์ทเครื่องออกรถ ขับช้าๆ สัก 1-2 กม.แรก เครื่องยนต์จะอุ่นเอง หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ ไฟหน้ารถและเครื่องเสียงพร้อมกันในทันทีเพราะเครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้น สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 10% และไม่ควรออกรถกระชากดังเอี๊ยด การออกรถกระชาก 10 ครั้ง สูญเสียน้ำมันไปเปล่าๆ ถึง 100 ซีซี น้ำมันจำนวนนี้รถสามารถวิ่งได้ไกล 700 เมตร
ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม: การไม่ขับรถเร็วจนเกินไป ไม่แซงโดยไม่จำเป็น จะประหยัดได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ อัตราความเร็วที่เหมาะสมในการประหยัดน้ำมันได้มากที่สุดคือ 60-80 กม./ชม. ควรขับรถด้วยความเร็วคงที่ เลือกขับที่ความเร็ว 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 2,000-2,500 รอบเครื่องยนต์ ความเร็วระดับนี้ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า
ใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์: เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ เพราะการขับรถลากเกียร์ ทำให้รอบไม่คงที่ เครื่องยนต์ร้อน สึกหรอง่าย การขับที่ความเร็วรอบต่ำ 1,000-2,500 รอบต่อนาที ควรขับด้วยเกียร์ 1-2 การขับที่ความเร็วรอบสูง 2,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป ควรขับด้วยเกียร์ 3-5 และไม่ควรขับรถลากเกียร์ เพราะการลากเกียร์ต่ำนานๆ จะทำให้เครื่องยนต์หมุนรอบสูงกินน้ำมันมาก เพราะเครื่องยนต์จะร้อนจัดและสึกหรอง่าย เมื่อปล่อยเกียร์ว่าง ไม่ควรเร่งเครื่องยนต์ หรือเบิ้ลเครื่องยนต์ เพราะแต่ละครั้งที่เร่งเครื่องยนต์จะสูญเสียน้ำมันถึง 5 ซีซี ปริมาณน้ำมันขนาดนี้รถวิ่งไปได้ตั้ง 35 เมตร
บรรทุกของเท่าที่จำเป็น: จะช่วยประหยัดได้ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ หากขับรถโดยบรรทุกของที่ไม่จำเป็นประมาณ 10 กิโลกรัม เป็นระยะทาง 25 กิโลเมตร จะสิ้นเปลืองน้ำมัน 40 ซีซี เพราะเครื่องยนต์จะทำงานตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หากบรรทุกหนักมากจะทำให้เปลืองน้ำมัน และสึกหรอสูง
ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถนาน: แค่จอดรถติดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก็เสียน้ำมันฟรีๆ 100 ซีซี
เลือกเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนเหมาะสมกับเครื่องยนต์: ไม่ควรใช้น้ำมันเบนซินที่ออกเทนสูงเกินความจำเป็นของเครื่องยนต์ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ สำหรับเครื่องยนต์แบบเบนซิน ควรเลือกเติมน้ำมันเบนซินให้ถูกชนิด ถูกประเภทโดยเลือกตามค่าออกเทนที่เหมาะสมกับรถแต่ละยี่ห้อ ขับ 91 เติม 91 ขับ 95 เติม 95 เพราะการเติมน้ำมันผิดประเภทเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยสูญเปล่า ไม่ได้ช่วยให้เครื่องยนต์แรงขึ้นแต่อย่างใด (สังเกตจากฝาปิดถังน้ำมันด้านใน หรือรับคู่มือที่ปั้มน้ำมันใกล้บ้าน)
ท้ายที่สุด หากรถคุณสามารถติดตั้งถังแก๊สได้ก็ควรหันมาใช้แก๊สจะดีที่สุด เพราะในวินาทีที่ราคาน้ำพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่เช่นนี้ ยอมเสียค่าติดตั้งครั้งแรก 2-3 หมื่น จะช่วยผ่อนแรงค่าน้ำมันลงไปมากเชียว
13 พ.ค. 2567
10 พ.ค. 2562
28 มิ.ย. 2567